

เดนมาร์ก เฉลิมฉลองชัยชนะเหนือทีมชาติรัสเซียเมื่อคืนที่ผ่านมา ซึ่งส่งให้พวกเขาผ่าน เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย ของการแข่งขันชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป นับว่าเป็นการร่วมยินดีปรีดาจากทั้งเหล่าแฟนบอลเดนมาร์กทั่วโลกเลยทีเดียว หลังจากก่อนหน้านี้ผู้เล่นในทีมอย่าง คริสเตียน อิริคเซ่น ประสบภาวะหัวใจหยุดเต้นในสนามเดียวกันนี้เมื่อเก้าวันก่อน นับเป็นสิ่งที่ดึงอารมณ์ของทั้งผู้เล่นและแฟนบอลให้อยู่ภายใต้ความกดดันและต้องก้าวต่อไปเพื่ออย่างน้อยจะได้มอบกำลังใจให้อิริคเซ่น
โดยความพ่ายแพ้สองเกมรวดในสองนัดแรกของเดนมาร์กนั้นทำให้พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องคว้าชัยในนัดนี้เท่านั้นเพื่อทำให้มีแต้มและลุ้นผ่านเข้ารอบ “มันเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ของเดนมาร์กและสำหรับคริสเตียน คุณสามารถเห็นและสัมผัสได้ถึงความหมายของทุกๆอย่างในกรุงโคเปนเฮเก้นคืนนี้ มันจะนับว่าเป็นเรื่องราวที่ยอดเยี่ยมอีกเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นในดินแดนของเรา หลังจากที่เราผ่านเรื่องเลวร้ายจากกรณีของคริสเตียนมา”
ข้อมูลโดย
หลังจากรู้ผลอีกคู่ของเบลเยี่ยมกับฟินแลนด์ ซึ่งเป็นฝ่ายเบลเยี่ยมเอาชนะไป 2-0 เช่นนั้นทุกอย่างจึงส่งผลให้เดนมาร์กผ่านเข้าไปเล่นรอบต่อไป รอบ 16 ทีมสุดท้ายในฐานะรองแชมป์กลุ่ม บรรดาผู้เล่นก็วิ่งดีใจไปรอบๆสนามเพื่อฉลอง เฮดโค้ชอย่าง Kasper Hjulmand กล่าวว่า “เราหวังว่ามันจะเป็นคืนที่วิเศษ ฉันอยากจะกล่าวขอบคุณทุกคนที่สนับสนุนเราและแสดงความรักต่อเรามากมาย
ฉันรู้ว่านักเตะเรารับรู้ถึงความปรารถนาดี ขอบคุณมากสำหรับทุกอย่างและมันหมายถึงการสนับสนุนเราต่อไป ทั้งแรงจูงใจ สปิริตของทีม มิตรภาพระหว่างผู้เล่นนั้นน่าทึ่งมาก หากมีใครสมควรได้รับสิ่งนี้ นั่นเป็นผู้เล่นของเรา ผมนึกไม่ออกว่าพวกเขาจะกลับมาจากสิ่งที่พวกเขาผ่านมาได้อย่างไร”
เริ่มต้นนัดสุดท้ายของกลุ่ม B ทีมชาติเดนมาร์ก โดยเป้าหมายก่อนลงสนามในการแข่งขันชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ยูโร2020 ในนัดนี้คือต้องเก็บชัยชนะเพื่อผ่านเข้ารอบ Damsgaard ยิงประตูขึ้นนำให้เดนมาร์กไปก่อน 1-0 ก่อนจบครึ่งแรกหลังจากนั้นในนาที 59 โพลเซ่นก็มายิงประตูที่ 2 หลังจากนั้น ยานนิค เวสเตอร์การ์ด ทำฟาวล์ผู้เล่นรัสเซียในกรอบเขตโทษ และเป็นกัปตันทีมชาติรัสเซียอย่าง Artem Dzyuba ยิงเข้าไปทำให้ตีไข่แตกมา 2-1 ก่อนที่จะเป็นคริสเตนเซ่นมาซัดประตูที่ 3 และเมห์เลยิงประตูที่ 4 ให้เดนมาร์กตอกฝาโลงชนะรัสเซียไป 4-1
ภายหลังจบเกมล้วนมีวาทะจากผู้สันทัดกรณีในวงการฟุตบอลอย่างเช่น เจอร์เก้น คลินส์มันน์ อดีตกุนซือทีมชาติเยอรมัน กล่าวเสริมให้กับชัยชนะของเดนมาร์กว่า “เป็นเรื่องมหัศจรรย์ที่ได้เห็นเดนมาร์กเฉลิมฉลอง พวกเขาต้องผ่านเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันในช่วงสองสามวันที่ผ่านมากับสิ่งที่เกิดขึ้นกับ คริสเตียน อีริคเซ่น และการได้เห็นพวกเขาผ่านไปได้นั้นยอดเยี่ยมมาก” หรือเป็นในทางฝั่งของ
อลัน เชียร์เรอร์ อดีตกองหน้าทีมชาติอังกฤษที่กล่าวว่า “ คุณสามารถบอกได้ว่าพวกเขาผ่านอะไรมาบ้างและทำงานหนักแค่ไหน พวกเขาควรจะสนุกกับมัน ” ทั้งนี้ผมอีกคู่ในกลุ่มเดียวกันนี้ เป็นทีมชาติเบลเยี่ยมเอาชนะฟินแลนด์ไปได้ 2 – 0 จากการทำเข้าประตูตัวเองของผู้รักษาประตูฟินแลนด์ Lukas Hradecky ในนาที 74 และจากลูกยิงของ โรเมลู ลูคาคู ในนาที 81 ส่งผลให้เบลเยี่ยมเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่ม ตามมาด้วยเดนมาร์กเข้ารอบเป็นรองแชมป์กลุ่มและอีกสองทีมอย่างฟินแลนด์และรัสเซียตกรอบ